About Balloonie

บอลลูนนี่ถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 โดยชื่อเดิมคือ บางกอก บอลลูน
ในขณะนั้นผู้ก่อนตั้ง เป็นนักศึกษาชั้นปีที่3 มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ด้วยความรักและหลงไหลเกี่ยวกับลูกโป่ง ในวัยเด็กเป็นเด็กต่างจังหวัด
เข้ามาเที่ยวในเมืองหลวงเห็นเด็กๆต่อแถวรับลูกโป่งจนแถวยาวมากทำให้
ไม่ได้รับลูกโป่ง ทำให้เด็กชายในวันนั้นมีความฝันว่าผมจะมีร้านลูกโป่งเป็นของตัวเอง
จนกระทั่งวันนี้ ผมทำสำเร็จแล้วครับ และผมอยากแบ่งปันความรู้วิชาลูกโป่ง
ที่ผมได้ศึกษามาตลอดชีวิตการทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศนับเป็นเวลากว่า15 ปี
นอกจากนั้นยังมีประสบการณ์จากการประกวดแข่งขันในต่างประเทศอีกหลายรางวัล
ที่สามารถช่วยการันตีความสำเร็จของผม

ผมพร้อมแล้วที่จะนำท่านผู้ร่วมธุรกิจ ก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน

รุ่งโรจน์ (เป็นต่อ) สุวรรณธาดา
กรรมการผู้จัดการ บริษัทบอลลูนนี่จำกัด

การสนับสนุนจากทางบริษัท
ถ่ายทอดทักษะความรู้เกี่ยวกับลูกโป่ง สอนวิธีการทำงาน
สอนการใช้งานระบบการจัดการสินค้าคงคลัง แนะนำให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำงานของระบบ
วางแผนการตลาดและจัดกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับบอลลุนนี่สำนักงานใหญ่
ระบบโทรศัพท์แบบ call center อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มการจดจำให้กับลูกค้า
อุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบกิจการอย่างครบครัน
ส่วนลดในการซื้อสินค้าจากบริษัท 40%

 

Balloonie ผลงานของเด็กน้อยผู้มีความฝัน

ผมไม่เคยคิดเลยว่า ลูกโป่งจะพาผมมาไกลได้ขนาดนี้”

หากจะถามคุณว่า สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะผลักดันให้ธุรกิจ หน้าที่การงานของคนหนึ่งคน ประสบความสำเร็จได้ คืออะไร…

หลายคนอาจตอบว่า เงินทุนหรือเปล่า… ทำเลที่ตั้งร้านใช่ไหม… แน่นอนค่ะ นั่นไม่ใช่คำตอบที่ผิด แต่สำหรับผู้เขียนเองแล้ว
ด้วยความสำเร็จของ Balloonie ซึ่งเป็นผลงานและน้ำพักน้ำแรงของคุณเป็นต่อ (หรือ คุณรุ่งโรจน์ สุวรรณธาดา)
แสดงให้ฉันเชื่อว่าสิ่งนั้น ที่ผลักดันให้ Balloonie หรือที่ธุรกิจอื่นๆประสบความสำเร็จได้ คือ ความฝัน”

จุดเริ่มต้นความฝัน
เริ่มต้นจากการเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่วันหนึ่งมีโอกาสได้เข้ามาเที่ยวเล่นในเมืองหลวง
ในวันนั้น เด็กชายเป็นต่อได้พบเจอเข้ากับปรากฎการณ์ที่น่าสนใจแบบที่พื้นที่ในต่างจังหวัดไม่มี

นั่นเป็นภาพอันดึงดูดสายตาคู่เล็กๆของเขาให้ละไปไหนไม่ได้ เพราะนั่นคือแถวที่ทอดตัวยาว
จากการต่อคิวกันของเด็กน้อยใหญ่ เพื่อรอรับลูกโป่งแจกฟรี ตัวเขาเองร้องขอให้ผู้ปกครองอนุญาตให้เข้าต่อคิว
เพื่อรับมอบลูกโป่งเช่นเดียวกับเด็กเมืองหลวงคนอื่นๆ

ทว่ากลับถูกปฏิเสธ… ด้วยความผิดหวัง และความชื่นชอบ ประกอบกับภาพของเด็กน้อยใหญ่ที่เฝ้ารอรับลูกโป่งด้วยความหวัง
ณ วันนั้น เขาได้ค้นพบแล้วว่า ความฝันที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร

โตขึ้นผมจะเป็นนักประดิษฐ์ลูกโป่ง และมีร้านลูกโป่งเป็นของตัวเอง”
นั่นคือความตั้งมั่นของเขาในวันนั้น และแน่นอน ในวันนี้เราได้เห็นแล้วว่า

ด้วยความฝันนั้น วันนี้คุณเป็นต่อได้ทำความฝันนั้นสำเร็จ

ก่อนที่จะสำเร็จ
แต่ก่อนที่จะสำเร็จ ในขั้นตอนระหว่างนั้น ที่แม้จะมีความฝันเป็นแรงผลักดันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ตัวเขาเองหัดบิดลูกโป่ง ตั้งแต่ตอนอายุ 20 ปี เริ่มต้นด้วยความชอบที่จริงจัง เริ่มบิดลูกโป่งเพื่อแจกให้กับเด็กๆแถวบ้าน
ทำไปเรื่อยๆ จนเริ่มมีคนมาเห็นและให้เขาแต่วตัวเป็นตัวตลก ไปแสดงการบิดลูกโป่งตามงาน
ตามร้านอาหารต่างๆ จากนั้นก็เริ่มมีงานให้ตกแต่งสถานที่เข้ามา ทั้งงานอีเว้นท์ งานแต่งงาน ฯลฯ

สิ่งที่สะสมเป็นประสบการณ์
ซึ่งแน่นอนทั้งหมดนี้ ค่อยๆสั่งสมเป็นประสบการณ์ ให้กับคุณเป็นต่อ ที่เมื่อหลายปีผ่านไป
ตัวเขาเองได้ใช้โอกาสเหล่านี้พัฒนาจนมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลูกโป่งชนิดหาตัวจับยากคนหนึ่งของประเทศไทย
ทั้งนี้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณเป็นต่อไม่ได้ให้เครดิตถึงความสามารถของตัวเองเท่านั้น
แต่บอกว่าลูกค้า ต่างหาก คือผู้ที่ช่วยผลักดันความสำเร็จของเขา โดยเขาได้บอกกับเราว่า

งานตกแต่งมีเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ลูกค้าช่วยกันบอกกันปากต่อปาก เขาเล่าสู่กันฟังว่างานของผมสวย แปลกตา
จริงใจและซื่อสัตย์กับพวกเขา เลยชอบกันยกใหญ่”

รับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น
นอกจากนี้ คุณเป็นต่อก็ยอมรับกับเราว่า โดยแท้จริงแล้ว “ตัวเขาเองก็เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจ
ถ้าจะมีก็น้อยเหลือเกิน”
 แต่ตนได้เปิดใจ รับคำแนะนำจากบรรดาญาติพี่น้อง เพื่อนๆ กัลยาณมิตร

ตลอดจนถึงลูกค้าที่ได้ให้บริการ ซึ่งล้วนหวังดี และคอยช่วยเหลือสนับสนุนเขามาตลอด
ให้งานทำลูกโป่งของตนเกิดเป็นธุรกิจที่มั่นคง ที่นอกจากจะสามารถอุ้มชู ประคับประคองฐานะของครอบครัว
ยังเป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับทีมงานได้อีกหลายชีวิต

และแล้วในปีพ.ศ. 2545 ร้าน Balloonie ก็ได้เปิดทำการขึ้น และดำเนินส่งมอบความสุข
ให้กับผู้คนผ่านลูกโป่งสวยๆ จนเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปของชาวไทย
ซึ่งคุณเป็นต่อก็ยังดำเนินงานตามความฝันของตนต่อไป เขายังทุ่มเทกับงาน
ฝึกปรือเทคนิคใหม่ๆ รวมไปถึงการทำงาน และศึกษาในต่างประเทศ

และเรื่องราวของเขานี่เอง ที่เราสามารถยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างของความสำเร็จ ที่มี “ความฝัน” เป็นแรงผลักดัน
ส่วนประโยคที่คุณเป็นต่อเคยกล่าวไว้ ว่า “ผมไม่เคยคิดเลยว่า ลูกโป่งจะพาผมมาไกลได้ขนาดนี้”
ตอนนี้ เราน่าจะตอบเขาได้ค่ะ ว่า “ความฝันต่างหาก ที่เป็นตัวพาคุณเป็นต่อมาไกลได้ขนาดนี้”

แล้วคุณล่ะคะ มีความฝันแล้วหรือยัง